LOREM IPSUM DOLOR

Archives

Mobile: 02-428-6688 | Mail: journeylaos@gmail.com

9,999฿

Journey Merit ทัวร์ไหว้พระ 3 วัน พัก 4 ดาว / Jun-15Nov16

3 days

2 nights

Lao Airlines

pic1

เริ่ม 9,999 ฿

CODE

23-QV-JNL02-0611-1

6 meals

Journey Merit



วันแรก (-.B.D) กรุงเทพฯ – หลวงพระบาง

08.00 เช้าวันสดใส เดินทางไป  Airport  แบบอินเทรนด์โดย Airport City Link หรือ รถยนต์ส่วนตัว หรือ ใช้บริการรถลีมูซีนหรือแท๊กซี่ของค่ายต่างๆ  สู่สนามบินสุวรรณภูมิ   Check in ผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์ W แถว W10-12 สายการบินลาวแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ QV 634 สู่ เมืองหลวงพระบาง


10.20 เหินฟ้าออก จากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินลาวแอร์ไลน์ พร้อมเครื่อง ATR 70 ที่นั่ง มาตรฐาน ความปลอดภัยสูง พร้อมการบริการบนเครื่อง สบายดีการบินลาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม.40นาที อาหารว่าง (กล่องนะจ๊ะ แต่ก็อร่อยแบบลาวโซ ครับผม)


12.00 เดินทางถึง สนามบินแห่งชาติหลวงพระบาง (สมกับเป็นสนามบินเมืองมรดกโลก ไม่ซับซ้อนเดินสบายมาก) ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ไม่ต้องทำวีซ่าสำหรับพาสปรอตไทย (ง่ายๆ ครับ) ค่าวีซ่าของชาวต่างชาติบางประเทศ (30-40 USD) เตรียมรูปถ่าย 2 X 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว 1 ใบ


12.15 เจ้าหน้าที่ Santi Resort & Spa รอถือป้าย “ Journey Laos ” ให้การบริการด้านหน้า พร้อมรถเดินทาง เพื่อนำท่านไปเช็คอิน ยังโรงแรม สัมผัสความพอเพียงของเมืองมรดกโลก คิดเพลินๆก็ถึง อลังการรีสอร์ท 4 ดาว บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ที่งดงามไปด้วยสวนสวยแบบธรรมชาติ และสายน้ำฝายน้ำล้นเสนาะหู

บริการฟรี !  FREE WIFI ภายในห้องพักและบริเวณทั่วไปของรีสอร์ท  Santi Resort & Spa


12.30 อาหารกลางวันที่รีสอร์ท พร้อมด้วยเมนูท้องถิ่นแสนอร่อย เฝอน้ำ ส้มตำแซบแบบลาว ไก่ย่าง พร้อมข้าวเหนียวหอมกรุ่น ที่คุณจะติดใจ เติมพลังมหัศจรรย์ ก่อนออกทัวร์ แบบไฮโซ สู่ดินแดนมรกตแห่ง เมืองมรดกโลก 


14.00 หลังอาหารกลางวัน รถ Shuttle bus open air แบบเท่ห์ พาคุณสัมผัสบรรยากาศ ชมวิวความงดงาม ริมฝั่งแม่น้ำคาน สายน้ำจากเทือกเขา ที่ไหลลงมาบรรจบกับ แม่น้ำโขง เรียบรอบเมืองชมวิถีชีวิต ถ่ายรูปตามจุดชมวิวริมแม่น้ำ ได้เวลาแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนตัวลง นำคุณไปยัง ยอดภูที่สูงที่สุดในเขตเมือง ให้คุณออกกำลังกายยามเย็นเดินขึ้นนับบรรไดได้กว่า 300ขั้น ขึ้นไปยังยอดภู จากยอดภูที่สูงที่สุดในตัวเมือง มองเห็น ความงดงามของสองแม่น้ำ แม่น้ำโขง และ แม่น้ำคาน (ที่ขอบอกว่า ใครที่ผ่านไปแล้วไม่ขึ้นคาน ตามชื่อแน่ๆๆ ครับ)  สักการะพระธาตุพูสี   ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 150 เมตร  ใจกลางเมืองหลวงพระบาง  นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหลวงพระบาง หากไม่ได้ขึ้นไปก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง สองข้างทางขึ้นพระธาตุร่มรื่นและหอมอบอวลไปด้วยดงดอกจำปาลาว หลากสีสันมองจากยอดพูสีคือภาพพานอรามาของราชธานีเก่าแก่ ริมแม่น้ำโขง ล้อมรอบด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนสมกับนามว่า บ้านผา เมืองภู อู่รยะธรรม ล้านช้าง


18.30 รถชัตเติลบัส  เปิดโล่งแบบเท่ห์ๆ พาคุณนั่งแบบ ไฮโซ ไปทานอาหารค่ำ ณ ตึกตำหนักพระราชวังกลาง แห่ง Villa Santi Hotel  บนถนนข้าวเหนียว ถนนสายคลาสสิคแห่งหลวงพระบาง อาหารแบบพื้นเมือง(ชาววัง) ยอหลวงพระบาง ,ห่อหมกปลาแม่น้ำโขง , คั่วไก่ใส่ขิง, แกงจึดผักน้ำแสนอร่อนเพื่อสุขภาพ พร้อทผลไม้ตามฤดุกาล และการแสดง ท้องถิ่น รอต้อนรับคุณ ประหนึ่ง ท่านหญิง และ ท่านชาย (Theme นี้ ห้ามพลาดชอตเด็ด ถ่ายรูปแชร์ ทันที )


หลังอาหารค่ำ รถตู้ปรับอากาศ หรือ รถชัตเติลบัส  พาท่านเดินทางกลับที่พัก

ก่อนเข้าห้องพักอย่าลืมแจ้งพนักงานต้อนรับให้ปลุกคุณ 04.30 เพื่อที่จะได้ทันไปใส่บาตรเช้า


สำหรับท่านที่ต้องการอิสระกับการเดินในตลาดมืด (ตลาดกลางคืนนะครับ) ช้อปปิ้งเลือกชมสินค้าพื้นเมือง ที่ทอดตัวยาวเป็นถนนคนเดินตลอดแนวถนนข้าวเหนียว  รถ Shuttle bus เที่ยวสุดท้ายจะออกจาก Villa Santi Hotel  ไปยัง รีสอร์ท เวลา 22.00 น.

ก่อนเข้าห้องพักอย่าลืมแจ้งพนักงานต้อนรับให้ปลุกคุณ 04.30 เพื่อที่จะได้ทันไปใส่บาตรเช้า

วันที่สอง (B.L.D) หลวงพระบาง Full Day Tour

05.00 ตื่นเช้ารับอรุณสดใส สูดกลิ่นไอ ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งโอโซนที่บริสุทธิ์อีกแห่งหนึ่งของโลก เตรียมร่างกายแต่งกายให้สดใส เพื่อเริ่มปฏิบัติธรรม ด้วยการตักบาตร ข้าวเหนียว  ท่านอาจแต่งกายร่วมสมัยนิยมไทย หรือลาว ตามสะดวก  แม่หญิงแนะนำให้นุ่งซิ่น หรือกระโปรงยาวคลุมเข่า หรือ แบบสุภาพ


05.15 เจ้าหน้าที่ พร้อม ยานพาหนะ พร้อมนำท่านเดินทางไปยัง บริเวณถนน สักรินทร์ หน้าตำหนักกลาง วิลล่าสันติโฮเตล ซึ่งที่นั่น โรงแรม ได้ จัดเตรียม อาหารใส่บาตรตามประเพณีลาว ข้าวเหนียว 1 กระติ๋บใหญ่ และ ข้าวต้มมัด 20 กีบ (1 โตก สำหรับ 2 ท่าน)  แบบชาวลาว พร้อมจัดที่นั่ง สำหรับการใส่บาตรตามประเพณี ซึ่งประเพณีการใส่บาตรที่ลาว จะใส่ข้าวเหนียวเพียงอย่างเดียวลงในบาตร หรือ สลับการใส่ข้าวต้มมัด การถวายธนบัตรทำได้ แต่ควรใส่ซองให้เรียบร้อย ไม่ควรใส่ธนบัตรลงไปปนกับข้าวเหนียว ซึ่งบนถนนสายนี้ จะมีพระและเณรมากกว่า 100รูป ต่อวัน ที่เดินออกรับบิณบาตร ในช่วงเช้า


06.30 หลังจากนั้น นำท่านชื่นชมบรรยากาศตลาดเช้า แบบโบราณ ที่มากมายไปด้วยของสดสารพัด ที่ปลอดพิษ อาหารลาวปรุงสำเร็จรูป ให้ลองชิม หรือ ของพื้นเมือง ผ้าทอมือ ราคาคนท้องถิ่น (อาจต่อได้นิดหน่อย ที่นี่เป็นร้านชาวลาว ที่ไม่มีการบวกราคาบอกผ่าน เหมือนร้านชาวจีน) นอกจากนั้น บรรยากาศร้านกาแฟ ประชานิยม ที่ไม่ควรพลาด สัมผัสกลิ่นอายแบบ กาแฟลาว


07.30 เดินทางกลับรีสอร์ท พร้อม ทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหาร ทอแสง มีอาหารเช้าหลากหลาย ทั้งเมนูนานาชาติ หรือ แบบชาวเอเซีย ผักปลอดสารพิษ ไม่น่าพลาด เฝอลาว แสนอร่อย อุ่นๆร้อนๆ เติมพลังงานยามเช้า

แต่งกายสวยงามแบบทะมัดทะแมงและสุภาพ   เพื่อเริ่มต้น ทริปอิ่มบุญ ในหลวงพระบาง มีวัดอยู่เรียงรายมากกว่า 100 วัด ที่สร้างมากว่า 150ปี บางวัด มีกำแพงวัดที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งจะมีทั้งวัดหลวงที่สร้างขึ้นโดย เจ้ามหาชีวิต และ วัดราษฎ์ เราอารสามรรถเรียกได้ว่า เป็นเมืองวัดโดยแท้จริง ถึงแม้ สปล ลาว จะเป็นประเทศ สังคมนิยม แต่เป็นพุทธศาสนิกชนเต็มตัว ที่ยังคงยึดถือมาแต่โบราณ ที่เมืองแห่งนี้ วัดเป็นทั้ง สถานที่รวมจิตใจ และ ยังเป็นแหล่งให้การศึกษา แก่ผู้ด้วยโอกาสในประเทศอีกด้วย

รถตู้ปรับอากาศ พร้อมผู้นำทาง Driver Guide รอให้บริการพาคุณ ตะลุยทัวร์ แบบไฮโซ และมีกูรูท้องถิ่นผู้รู้จริงมาบรรยายตลอดวัน  


09.09 ทัวรวัดที่ 1 สักการะพระองค์ที่ 1 วัดแสนสุขาราม สร้างขึ้นในคริสศตวรรษที่ 15 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้ากิ่งกฤษราช ตามประวัติศาสตร์เล่ากันว่าชื่อของวัดมาจากเงินจำนวน 100,000 กีบ ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนในการก่อสร้าง เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นภายหลังนครหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทน์เป็นอีกอาณาจักรหนึ่ง ก่อนหน้านั้นบริเวณที่สร้างวัดแสนมีวัดเก่าอยู่ก่อน สิ่งแรกเมื่อมาถึงคือการไปชมพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปยืนองค์เดียวในหลวงพระบาง มีพระพักตร์ที่งดงามผ่องแผ้ว  พระพุทธรูปยืน ปางเปิดโลกที่มีพระหัตถ์ที่งดงาม พระพุทธรุปเป็นแบบเดียวกับพระอัฎฐารสที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย คนหลวงพระบางเรียกพระพุทธรูปนี้ว่า”พะเจ้า18ศอก”ข้างหอพระยืนมีหอรอยพระพุทธบาทจำลอง ส่วนพระอุโบสถดูวิจิตรการตาเต็มไปด้วยการเขียนภาพสีทองลงบนพื้นสีแดง ภายในตกแต่งประดับประดาอย่างงดงาม พระประธานของวัดมีชื่อว่า “พระองค์หลวง” มีลักษณะงดงามชดช้อย วัดแสนได้รับการบูรณะ 2ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2475 ครั้งที่สองเมื่อปีพ.ศ. 2500 ส่วนการประดับลวดลายปิดทองที่สวยงามนั้นบูรณะเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยช่างในวังหลวงของหลวงพระบาง


09.18 วัดที่ 2 ไหว้พระองค์ที่ 2 วัดสบสิขาราม ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าสร้างโดยพระเจ้าแท่นคำในปีพ.ศ. 20248 เดิมวัดนี้ชื่อ “วัดสบเชียงทอง” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระราชบิดาของพระองค์ ที่ทรงสวรรคต ณ.เมืองเชียงคาน พระอุโบสถหลังเดิมชำรุดแต่ได้รับการบูรณะโดยชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นในปีพ.ศ. 2452 และในปี พ.ศ. 2493 ดังที่เห็นในปัจจุบัน มีศิลปะแบบหลวงพระบางโดยทั่วไป สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นองค์พระธาตุที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ด้วยการประดับกระจกสีสวยงาม ด้านขวาของพระอุโบสถมีพระธาตุลักษณะเดียวกันกับพระธาตุในวัดหนองศรีคูนเมือง ซุ้มประตูหลวงของพระธาตุ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบทรงเครื่ององค์เล็ก ซึ่งแตกต่างไปจากวัดอื่นๆ ในหลวงพระบาง


09.27 วัดที่ 3 ไหว้พระ องค์ที่ 3  วัดศรีบุญเฮือง ตามประวัติศาสตร์ชาวบ้านได้เล่าสืบต่อกันมาว่าพระอุโบสถของวัดศรีบุญเรืองสร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศสในปีพ.ศ. 2301 ในรัชสมัยพระเจ้าโชติกะกุมาร มีขนาดเล็กเป็นศิลปะแบบหลวงพระบางในพุทธศตวรรษที่ 24 ปัจจุบันยังไม่ได้รับการบูรณะนอกจากหน้าต่างที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ภายในมีลวดลายปิดทองหลายรูปแบบสีสันงดงาม ตรงกลางหลังคาประดับช่อฟ้า 15 ช่อ ความโดดเด่นของวัดนี้จะอยู่ที่ตัวสิม (อุโบสถ) รูปทรงหลังคาแอ่นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นศิลปะสไตล์เชียงขวาง ที่มีสีหน้าลายนกยูง ลวดลายดอกรวงผึ้งอันอ่อนช้อย แขนนางแบบเดียวกับวัดคีรี และซุ้มป่องเยี่ยม (หน้าต่าง) แกะสลักเเป็นรูปพญานาค


09.45 วัดที่ 4 ไหว้พระองค์ที่ 4 วัดศิริมงคลไซยาราม(วัดศรีบุญคุณ) เป็นวัดที่อบู่ติดกับ วัดศรีบุญเฮือน ตัววัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ศาสนสถานส่วนใหญ่ยังคงสภาพเดิม เล่าสืบต่อกันมาว่าสร้างในปีพ.ศ. 2306 ในรัชสมัยพระเจ้าโชติกะกุมาร สิมหรืออุโบสถมีลักษณะแบบหลวงพระบางโดยทั่วไป ได้รับซ่อมแซมครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2488 ช่างสกุลผู้รับหน้าที่ปฏิสังขรณ์ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย จึงทรงผลให้รูปทรงสถาปัตยกรรมของวัดนี้เป็นแบบผสมผสานตามไปด้วย เห็นได้อย่างชัดเจนจากระเบียงโถงด้านหน้าเป็นศิลปะแบบหลวงพระบางทรวงทรงหลังคาเป็นแบบเชียงขวาง และประดับตกแต่งด้วยกระจกสีโมเสกแบบเวียงจันทน์ หน้าจั่วประดับลวดลายสวยงาม ด้านทิศใต้มีอูบมุงหลังเล็กภายในประดิษฐานพระธาตุองค์หนึ่ง ยอดประดับเศวตฉัตรทอง 7 ชั้น ใกล้ทางเข้าด้านทิศเหนือติดกับวัดศรีบุญเรืองมีหอระฆังทองที่งดงาม


10.09 วัดที่ 5  วัดสุวรรณคีรี (วัดคีรี) ตามตำนานกล่าวว่า ชาวไทพวนจากเชียงขวางเป็นผู้สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กองทัพชาวพวนที่สู้รบกับทัพของพม่า ตามประวัติศาสตร์ได้กล่าวถึงเจ้าชายชาวพวนชื่อเจ้าคำศรัทธาได้อภิเษกสมรสกับนางแว่นแก้วราชธิดาของพระเจ้าอินทโสมแห่งนครหลวงพระบางในปีพ.ศ. 2316 หลังจากนั้นในครั้งที่พม่ายกกองทัพมาตีเมืองหลวงพระบางครั้งที่ 2 เจ้าคำศรัทธาได้ส่งกองทัพของพระองค์มาช่วยรบ วัดคีรีเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามวัดหนึ่ง มีศิลปะแบบเชียงขวาง พระอุโบสถหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันยังรักษาโครงสร้างและลวดลายประดับประดาที่มีอยู่เดิมไว้ บนหลังคาไม่มีช่อฟ้า ด้านหลังของพระอุโบสถมีพระธาตุทรงแปดเหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม


10.18 วัดที่ 6 วัดปากคานคำมงคล เล่าสืบต่อกันมาว่าสร้างโดยพระยาจันทร์เทพเมื่อพ.ศ. 2280 ในรัชสมัยพระเจ้าอินทรโสม ต่อมาถูกทิ้งร้าง ต่อมาชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงวัดได้ร่วมกันบูรณะขึ้นมาใหม่ดังที่เห็นในปัจจุบันพระอุโบสถมีลักษณะคล้ายวัดธาตุหลวงแต่มีขนาดเล็กกว่าแบ่งออกเป็น 3 ห้องตามยาวและ 6 ห้องตามขวาง โหว่ที่เป็นรูปนาคนั้นมีลวดลายเลือนลางประตูทุกด้านมีบันไดทางขึ้นยกเว้นทางทิศใต้ซึ่งได้ทุบออกตอนบูรณะในปีพ.ศ. 2503 ด้านข้างทางทิศใต้มีพระธาตุองค์หนึ่งมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม


10.27 วัดที่ 7 ไหว้พระองค์ที่ 5  วัดเซียงทอง วัดสวยงามที่สุด ที่พลาดไม่ได้ ชมพระม่าน ในโบสถ์เล็ก (จะมีช่องเล็ก ๆ ให้ทุกคน หลี่ตาข้างหนึ่งจึงจะเห็น) พระม่าน หนึ่งปีจะอันเชิญ แห่รอบเมืองหลวงพระบาง ในเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ลาว เพื่อให้ประชาชนสักการะบูชาอย่างใกล้ชิด หากยังไม่จุใจ ไปอุ้มพระเสี่ยงทาย อยู่ใกล้ ๆ หอพระม่าน ก็ลองอธิฐานเสี่ยงทายกันดูนะเด้อ หลายท่านพิสูจน์แล้วจร้า ว่าแม่นจริงๆ ไม่เชื่อลองตั้งใจ พิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเองค่ะ หากไม่มีสมาธิพอ เวลาเหลือช่วงเย็นอาจจะแอบมาเองอีกรอบก็ทำได้ด้วยตัวเอง


11.09 วัดที่ 8 ไหว้พระองค์ที่ 6 วัดใหม่สุวันพภูมาราม ซึ่งอยู่ถนนศรีสว่างวงศ์ติดกับพระราชวังหลวงวัดใหม่สุวรรณภูมารามหรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆว่า “วัดใหม่” เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาวและยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ จนกระทั่งถึงปีพ.ศ. 2437 จึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบางภายในพระราชวังจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือตัวอุโบสถ(สิม) ลักษณะจะเป็นอาคารทรงโรง หลังคามีขนาดใหญ่ มีชายคาปกคลุมทั้งสี่ด้านสองระดับต่อเนื่องกันภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปนับหมื่นนับแสนองค์บนผนังสีแดง คล้ายกับที่เคยพบเห็นในวัดบางแห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ตรงกลางเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง มีพระพักตร์ที่งดงาม จัดเป็นกลุ่มพระพุทธรูปหลวงพระบางแบบหนึ่ง ตรงข้ามด้านหน้าพระอุโบสถมีอาคารก่ออิฐถือปูนหลังเล็กๆ 2 หลังขนาดต่างกัน ชาวลาวเรียกว่า “อูบมุง” ขนาบข้างพระธาตุทรงดอกบัวสี่เหลี่ยม อูบมุงหลังใหญ๋หันหน้ามาทางพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดค่อนข้างใหญ่ประดิษฐานอยู่ ส่วนอูบมุงหลังเล็กหันหน้าออกถนน บริเวณภายในวัดใหม่มีการจัดวางผังอาคารกลุ่มพุทธวาสและสังฆาวาสแยกออกเป็นสัดส่วน มีแนวต้นไม้เล็กๆคั่นอยู่


11.18 ไหว้พระองค์ที่ 7  ชมพระราชวัง และ หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง อดีตเป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ มีหอที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ทำด้วยทองคำ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางและของชาวลาว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงพระบาง
พระบาง เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่นครหลวงของอาณาจักรขอม จนเมื่อ พ.ศ. 1902 พระเจ้าฟ้างุ้มกษัตริย์แห่งล้านช้างซึ่งมีความเกี่ยวพันทางเครือญาติกับพระเจ้ากรุงเขมร มีพระราชประสงค์ที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ประดิษฐานมั่นคงในพระราชอาณาจักร จึงได้ทูลขอพระบางเพื่อมาประดิษฐาน ณ เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวงของอาณาจักรล้านช้างในขณะนั้น แต่เมื่ออัญเชิญพระบางมาได้ถึงเมืองเวียงคำ (บริเวณแถบเมืองเวียงจันทน์ในปัจจุบัน) ก็มีเหตุอัศจรรย์ขึ้นจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ พระบางจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองนี้จนถึง พ.ศ. 2055 อันเป็นสมัยของพระเจ้าวิชุณราช ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าเมืองเวียงคำมาก่อน จึงสามารถนำเอาพระบางขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดวิชุนราชในนครเชียงทอง ทำให้เมืองเชียงทองเรียกว่าหลวงพระบาง นับแต่นั้นเป็นต้นมา


12.30 อาหารลางวัน ณ สันติวิลล่า ด้วยอาหารง่ายๆ แหนมสด อาหารจานเด่น(ปอเปี๋ยสดลาว) , แกงกะหรี่ไก่ลาว ปลาแม่น้ำโขงผัดเปรี้ยวหวาน  พร้อมผลไม้ ตามฤดุกาล ให้ท่านได้ผ่อนคลายอริยาบท กับอาคารที่งดงาม เป็นตำหนักแห่งพระชายาเจ้ารัชทายาท ที่ตั้งอยู่บนถนนสักรินทร์


13.09 วัดที่ 9 วัดหนองศรีคูนเมือง วัดหลวงชั้นใน ที่พระประธาณในพระอุโบสถ เป็นที่เคารพของชาวลาว และจะเปิดให้เช้านมัสการได้ ในวันพระที่สำคัญ และ ในตอนเย็นที่ทำวัตรเย็นของพระภิกษุสงฆ์สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2272 แต่เดิมนั้นเป็นวัดขนาดใหญ่มีศาสนสถานที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมมากมายแต่เป็นที่น่าเสียดายเนื่องจากถูกไฟไหม้ในปีพ.ศ. 2317 ทำให้พระอุโบสถเสียหายเกือบทั้งหลัง ภายหลังได้รับการบูรณะหลายครั้งและก่อสร้างเพิ่มเติมจนสวยงามขึ้นมาใหม่ ในการบูรณะครั้งใหญ่มีการติดดอกดวงและทองคำเปลวใหม่ ศิลปะที่ใช้ตกแต่งส่วนใหญ่เป็นแบบสกุลช่างพ่อเฒ่าเพียตัน ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน “พระเจ้าองค์แสน” พระพุทธรูปสำคัญของเมือง ทีมีชื่อเช่นนี้เนื่องจากมีน้ำหนัก 1 แสน (ประมาณ 120 กิโลกรัม)“พระเจ้าองค์แสน” เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบเชียงแสน ตามตำนานกล่าวไว้ว่าลอยตามแม่น้ำโขงมาแต่เมืองเชียงแสน และมาขึ้นที่เมืองหลวงพระบาง ชาวหลวงพระบาง ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก


13.18 วัดที่ 10 วัดจุมฆ้องสุรินทราราม เป็นอารามหลวงชั้นในอีกเช่นเดียวกัน สร้างในปีพ.ศ. 2386 ในรัชสมัยพระเจ้าสุขเกษม ปัจจุบันพระอุโบสถยังคงสภาพเดิมอยู่ มีศิลปะแบบหลวงพระบางโดยทั่วไป ภายในแบ่งเป็น 3 ห้องยาว 4 ห้องขวาง เมื่อมาถึงทางเข้าพระอุโบสถจะสังเกตเห็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนวัดใดในหลวงพระบาง คือมีรูปสลักลอยตัวทำจากหินทรายสีเขียวตั้งอยู่เหนือราวบันไดทางขึ้นพระอุโบสถ ทั้งสองข้างลักษณะคล้ายเทพเจ้าของจีน สูงประมาณ 50 ซม. ซึ่งพระเจ้าจักรพรรดิของจีนถวายแก่พระเจ้าจันทราชแห่งนครหลวงพระบาง ในการบูรณะภายหลังหลายครั้งได้มีการตกแต่งเพิ่มเติม โดยปิดทองผนังด้านหลังพระอุโบสถทั้งสองด้านและวาดดอกดวงใส่บานประตูและหน้าต่างทุกบาน ภาพฝาผนังเก่ามีลักษณะงดงามเป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดก


13.27 วัดที่ 11 วัดเซียงม่วนวชิระมังคลาราม เป็นวัดอารามหลวงที่อยู่ติดกันกับวัด จุมฆ้อง สร้างโดยเจ้านายพระองค์หนึ่งในปีพ.ศ. 2396 ในรัชสมัยพระเจ้าจันทราช ในการบูรณะพระอุโบสถภายหลังมีเพียงบางส่วน โดยเฉพาะฝาผนังทั้งสองข้างและผนังด้านหน้า ปัจจุบันยังคงสภาพโครงสร้างดั้งเดิมเอาไว้ ผนังด้านนอกทางหน้าสิม (อุโบสถ) มีภาพวาดที่สวยงาม ด้านทิศตะวันตกของพระอุโบสถมีพระธาตุและอูบมุงกล่มหนึ่ง ปัจจุบันวัดเชียงม่วนได้เปิดให้เป็นศูนย์ฟื้นฟูศิลปะสกุลช่างลาวหลวงพระบางมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ กุฏิหลังเก่านำมาใช้เป็นห้องเรียน และองค์การยูเนสโกได้ให้การช่วยเหลือในการจัดตั้งศูนย์ฯ ฝึกอบรมแห่งนี้ผ่านมาทางแผนกแถลงข่าวและวัฒนธรรมหลวงพระบาง จุดประสงค์ก็เพื่อฟื้นฟูศิลปะสกุลช่างลาวที่ได้ยุติไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ให้มีกลับคืนมา โดยได้ฝึกสอนพระสงฆ์และสามเณรผู้ที่สนใจในวิชาศิลปะสกุลช่างลาวหลวงพระบาง แขนงที่ได้รับฟื้นฟูและเปิดสอนมี แผนกการวาดรูป, แผนกช่างแกะสลักไม้และแผนกการหล่อพระพุทธรูป เป็นต้น ภายในวัดยังจัดให้มีแกลเลอรี่เพื่อแสดงผลงานของพระสงฆ์และสามเณรผู้เข้าฝึกอบรม มีการจำหน่ายผลงานในราคาที่ไม่แพงอีกด้วย
เฮือนมรดกเชียงม่วน “บ้านไม้เก่าแก่ที่สุดในหลวงพระบาง” เป็นเรือนไม้โบราณ อยู่ระหว่าง วัดจุมฆ้อง และ วัด เซียงม่วน ที่ยังคงเก็บรักษา ความเป็นรากเหง้าของเรือนโบราณ ไว้อย่างสมบูรณ์ยิ่งเฮือนมรดกเชียงม่วน เป็นอาคารอนุรักษ์ขององค์การยูเนสโก กล่าวกันว่า ดั้งเดิมเป็นของพระยาหมื่นนา ขุนนางในราชสำนักล้านช้าง ในสมัยหนึ่งขุนนาง และคหบดีเมืองหลวงพระบางนิยมปลูกเรือนตึกแบบฝรั่ง ทำให้อาคารไม้แบบเดิมถูกรื้อไปมาก ที่เหลือสภาพสมบูรณ์อยู่ก็เฉพาะเรือนหลังนี้เท่านั้น นับเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นมรดกโลกที่องค์การยูเนสโกได้อนุรักษ์ไว้เป็นแบบอย่างของบ้านลาวยุคโบราณ


14.18 วัดที่ 12-13-14  ไหว้พระ องค์ที่ 8 วัดศรีพุทธบาท ในปัจจุบันประกอบด้วยวัดในบริเวณเดียวกัน 3 แห่งคือวัดป่าแค, วัดป่าฝางหรือวัดเชียงงาม และวัดพระบาทเหนือ มีจุดเด่นอยู่ที่ รอยพระพุทธบาทบนเนินก่อนถึงยอดพูสี ถือเป็นวัดคู่กับวัดพระบาทใต้ ใกล้กับรอยพระพุทธบาทมีศาลาชมวิว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำคานและภูเขาที่โอบล้อมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ได้กว้างไกลสุดสายตา บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นพูสีมีพระธาตุ 3 องค์ตั้งเรียงราย เชื่อกันว่าพระธาตุองค์ที่หุ้มด้วยแผ่นทองแดงและประดับด้วยเศวตฉัตร 7 ชั้น ภายในบรรจุอัฐิพระเจ้าจันทราช พระอุโบสถมีลักษณะศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปัจจุบันภายในวัดมีโรงเรียนมัธยมปริยัติสงฆ์ ส่วนวัดป่าฝาง หรือวัดเชียงงาม สร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุท (พ.ศ. 2322-2360) เป็นวัดศิลปแบบล้านช้างที่ชัดเจนมาก ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยการสนับสนุนของ “องค์การมรดกโลก” วัดป่าแค สร้างโดยพระเจ้านันทราช ใน พ.ศ. 2396 ตัวสิมเป็นศิลปแบบเวียงจันทน์ ปัจจุบันวัดทั้ง 2 เป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์และสามเณรจำพรรษา


14.45 วัดที่ 15  ไหว้พระองค์ที่ 9 วัดวิชุนราชนี้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน พระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ ภายในวัดวิชุนราชมีปทุมเจดีย์หรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ ซึ่งพระนางพันตีนเชียง พระอัครมเหสีของพระเจ้าวิชุนราชโปรดฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2057 หลังจากสร้างวัดแล้ว 11 ปี ด้วยรูปทรงของเจดีย์มีลักษณะคล้ายแตงโมผ่าครึ่งทำให้ชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่า พระธาตุหมากโม เป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุมีลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย บริเวณมุมฐานชั้นกลางและชั้นบนมีเจดีย์ทิศทรงบัวตูมทั่งสี่มุม พระธาตุหมากโมนี้มีสีดำเก่าๆ แม้จะเคยผ่านการบูรณะปฎิสังขรมาแล้วสองครั้ง ในปีพ.ศ.2402 รัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ อีก 19 ปีต่อมา ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์มีการปฎิสังขรอีกครั้ง ซึ่งการบูรณะครั้งนี้พบโบราณวัตถุมากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่แกะสลักจากแก้วซึ่งคล้ายกับพระแก้วมรกต โบราณวัตถุเหล่านี้ได้นำถวายเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเก็บรักษาไว้ในพระราชวังหลวงพระบางในปัจจุบันพระประธาน หรือพระองค์หลวงในพระอุโบสถมีขนาดใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง ด้านหลังพระประธานมีโบราณวัตถุที่เก็บรวบรวมมาจากวัดร้างต่างๆ ในหลวงพระบาง เช่นพระพุทธรูปสำริด พวกไม้จำหลักลวดลายต่างๆ พระพุทธรูปไม้แกะสลักลงรักปิดทองสูงเท่าคนจริงจำนวนมาก


15.09 วัดที่ 16 วัดอาฮามอุตุมะธานี พระอุโบสถวัดอาฮามสร้างโดยพระเจ้ามังทาตุราชในปีพ.ศ. 2365 ด้านข้างพระอุโบสถจะเป็นที่ตั้งของหอเสื้อเมืองหรือหอ “ปู่เยอ-ย่าเยอ” หลังคามีลักษณะซ้อนกันอยู่ 3 ชั้นตรงกลางสันหลังคามีช่อฟ้ารูปทรงแปลกตาจากวัดทั่วไปในหลวงพระบาง ข้างบันไดทางขึ้นพระอุโบสถด้านหน้ามีรูปปั้นสิงห์ลอยตัว ทาด้วยปูนขาวถัดออกไปด้านข้างทั้งสองด้านเป็นรูปปั้นยักษ์ลอยตัวบางตำรากล่าวว่าเป็นทวารบาล พระอุโบสถได้รับการบูรณะในปีพ.ศ. 2474 และค้นพบโบราณวัตถุมีค่าหลายชิ้นที่ฝังอยู่ใต้พระอุโบสถ หน้าพระอุโบสถมีพระธาตุ 2 องค์องค์หนึ่งเป็นพระธาตุทรงแปดเหลี่ยมในอดีตมีหอคลุมอยู่ อีกองค์เป็นพระธาตุย่อมุมบริเวณมุมฐานทั้งสี่ด้านประดับด้วยเสารูปดอกบัว ด้านข้างวัดอาฮามมีประตูเล็กๆสามารถเดินเพื่อเข้าไปชม พระธาตุหมากโม ในเขตวัดวิชุลและพระอุโบสถได้อย่างสะดวก


15.18 วัดที่ 17 วัดหมื่นนาชมพูอาราม พระอุโบสถสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2076 ในสมัยพระเจ้าโพธิสาระ ต่อมาบูรณะอีกหลายครั้งจนเป็นดังที่เห็นในปัจจุบัน มีลักษณะศิลปะแบบหลวงพระบางทั่วไป ด้านข้างมีพระธาตุองค์ใหญ่รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีหออูบมุงอยู่ไม่ไกล ที่ผนังด้านนอกมีรูปปั้นสัตว์ทำจากดินเผาสีล้อมรอบ


15.27 วัดที่ 18 วัดป่าโพนเพา เป็นวัดเล็กๆ ที่สร้างขึ้นโดยพระอาจารย์สายสมุทร มีศาสนสถานส่วนใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขา จุดเด่นที่น่าชมอยู่ที่สันติเจดีย์บนยอดเนิน สร้างขึ้นใน ปีพ.ศ. 2531 ลักษณะเป็นอาคารทรงพระธาตุ ภายนอกชั้นบนทาสีทอง ส่วนชั้นล่างเป็นโถงทรงเหลี่ยมรอบๆ พระธาตุ มีหน้าต่างแกะสลักเล่าเรื่องพุทธประวัติ ภายในแบ่งเป็น 4 ชั้น แต่ละชั้นจะประดับภาพฝาผนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ นรก-สวรรค์ และพุทธศาสนสถาน ที่สำคัญๆ หลายแห่งทั่วโลก บริเวณระเบียงชั้นสอง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองหลวงพระบางได้กว้างไกล ตั้งแต่สนามบิน ตัวเมือง สะพานเหล๊ก ข้ามแม่น้ำคาน พระธาตพูสรี และเทือกเขาที่โอบล้อมด้านหลัง ความสำคัญของวัดป่าโพนเพา นอกจากจะเป็นจุดชมวิวของเมืองหลวงพระบางแล้ว ในเดือนอ้าย (ธันวาคมของทุกๆ ปี) มีการจัดงานประเพณี “บุญเข้ากำ” (บุญเข้ากรรม) เป็นกิจกรรมของสงฆ์ เรียกว่า “เข้าปริวาสกรรม” โดยให้พระภิกษุสงฆ์ที่ต้องอาบัติ (กระทำผิด) สังฆทิเสส ได้สารภาพต่อหน้าคณะสงฆ์เพื่อเป็นการฝึกจิตสำนึกถึงความบกพร่องของตน แล้วปรับตัวประพฤติตนให้ถูกต้องตามพระวินัย พิธีเข้าปริวาสกรรมกำหนดไว้ 9 ราตรี กำหนดให้พักอยู่ในสถานที่สงบ ไม่มีคนพลุกพล่าน (อาจเป็นบริเวณวัดก็ได้) โดยมีกุฏิชั่วคราวเป็นหลังๆ พระภิกษุสงฆ์เข้าปริวาสกรรมคราวหนึ่งๆ จะมีจำนวนเท่าใดก็ตาม แต่ต้องได้แจ้งให้พระภิกษุสงฆ์จำนวน 4 รูป ไว้ก่อนว่าตนเองจะเข้ากรรม และเมื่อถึงเวลาออกกรรมจะมีพระสงฆ์ 20 รูป มารับออกกรรม เรียกว่า “สวดอัพภาณ” แปลว่า รับกลับเข้าพวก พิธีทำบุญเข้ากรรมไม่ถือว่าเป็นการล้างบาป แต่เป็นการปวารณาตนว่าจะไม่กระทำผิดอีก ส่วนกิจของชาวพุทธในบุญเข้ากรรมนี้คือการหาข้าวของเครื่องอุปโภค-บริโภคมาถวายพระ เชื่อว่าจะได้บุญมากกว่าการทำบุญตักบาตรทั่วไป”


16.00 ลงจากเนินเขาวัดโพนเผา ไม่ไกล จะมีผมู่บ้านชุมชน ผลิตทอผ้าด้วยมือ ชื่อว่า บ้านผาหนวม ให้ท่านได้แวะเลือกชม ผ้าพื้นมา ราคาจาก แหล่งผลิต มีให้เลือกอย่างลานตา หลังจากนั้น จะนำท่านกลับสู่ สันติรีสอร์ทแอนด์สปา และ อิสระตามอัธยาศัย


18.00 อาหารค่ำ Candle Light บรรยากาศ ริมทุ่ง ที่ห้องอาหารทอแสง ภายในรีสอร์ท อาหาร Set เมนู 1 Set ต่อ 2 ท่าน อาหารทานเล่น หมูแดดเดียว ลาบก้อย หมู หรือ ปลา พร้อมผักสดจากสวน , ฉู่ฉี่ปลาแม่น้ำโขง , ต้มยำไก่ลาว พร้อมข้าวสวยหอมกรุ่นร้อน และจบลงด้วยผลไม้ตามฤดูกาล


หลังอาหารค่ำ หากท่านใดประสงค์จะเดินทางเข้าตัวเมือง เพื่อเดินช้อปปิ้งที่ ตลาดมืด ย่านบ้านเจ๊ก ทางรีสอร์ท มีรถชัตเติ้ลบัส เที่ยว 19.00 รอรับนำท่านเดินทางเข้าสุ่ตัวเมือง โดยรถจะจอดที่บริเวณ หน้า วิลล่าสันติโฮเตล

21.00 รถเที่ยวแรกเดินทางกลับเข้าสู่รีสอร์ท

22.00 รถเที่ยวสุดท้ายเดินทางกลับเข้าสู่รีสอร์ท

ย่านบ้านเจ็ก “ย่านบ้านจีนเก่าสไตล์ยุโรป” ย่านบ้านเจ็กทอดตัวยาวอยู่ระหว่างถนนศรีสว่างวงศ์ เป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองหลวงพระบาง ที่เรียกว่าบ้านเจ็ก เนื่องจากว่า สมัยก่อนเป็นย่านร้านค้าและที่อยู่อาศัยของคนเชื้อสายจีน(เจ็ก) ตึกแถวในละแวกนี้มีลักษณะเป็นห้องแถวแบบจีน แต่ประดับตกแต่งลวดลายคล้ายแบบยุโรปจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาคารส่วนใหญ่สร้างในสมัยพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ โดยผู้เป็นกำลังสำคัญในการปรับปรุงพัฒนาเมืองหลวงพระบางก็คือ เจ้าอุปราชบุญคง กล่าวได้ว่า สภาพผังเมืองหลวงพระบางในปัจจุบัน รวมทั้งอาคารที่ทำการของรัฐส่วนมากซึ่งก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมยุโรปนั้น เกิดขึ้นในสมัยนั้น ปัจจุบัน ตึกแถวสองข้างทางย่านบ้านเจ็กปรับปรุงเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านกินดื่ม และร้านอาหารนานาชาติ รวมทั้งแหล่งที่พักราคาย่อมเยาสำหรับนักเดินทางประเภทแบกเป้ด้วย ซึ่งส่วนมากอยู่ด้านหลังตึกแถวอาคารพาณิชย์ของบ้านเจ็ก บริเวณนี้จึงเป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ที่กลายเป็นตลาดมืด ถนนคนเดิน ในปัจุบัน

วันที่สาม (B,-,-) หลวงพระบาง – กรุงเทพฯ

05.00 ปลุกตื่นเช้ามืดรับอากาศสดใส เตรียมตัว เช็คเอาท์ จากโรงแรม


06.00 รถ Shuttle Bus รอรับท่านเดินทางไปยัง สนามบิน แห่งชาติหลวงพระบาง เพื่อเช็คอินท์เที่ยวบิน QV 633 to BKK   ( ทางรีสอร์ทจะจัดทำ อาหารเช้ากล่อง ให้ท่าน สามารถนำไปทานพร้อมกับ อาหารที่สายการบินบริการบนเครื่อง ขณะเดินทางกลับได้ )


07.40 สายการบินลาว นำคุณเหินฟ้า ข้ามแม่น้ำโขง ผ่านเชียงใหม่ มุ่งสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ บริการอาหารว่าง บนเครื่อง


09.00 Arrival to Suvarnabhumi International Airport โดยสวัสดิภาพ พร้อมความสุขและความทรงจำ กาลครั้งหนึ่ง ที่หลวงพระบาง สบายดีหลวงพระบาง

Empty tab. Edit page to add content here.

อัตราค่าบริการ แพ็คเกจนี้รวม

  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (BKK-LPQ-BKK  Economy Class เงื่อนไขพิเศษ) โดยสายการบินลาวแอร์ไลน์ รวมค่าภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว + ห้องพัก Deluxe Room จำนวน 2 คืนพักห้องละ 2 ท่าน หรือ 3  ท่าน ณ Santi Resort and Spa หลวงพระบาง รวมอาหารเช้าในแต่ละมื้อที่โรงแรม + บริการรถรับ-ส่งสนามบิน (ในวันเดินทางมาถึง และวันเดินทางกลับ) + บริการ  Full day tour พร้อมอาหารกลางวัน ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ตามโปรแกรมทัวร์ + อาหารกลางวัน set menu  2 มื้อ ที่ Santi Resort & Spa + อาหารค่ำ Royal Dinner 2 มื้อ วันแรก ณ Villa Santi Hotel ในเมือง และที่ห้องอาหารทอแสง ภายในรีสอร์ท + อาหารตักบาตรพระ 1 ชุด โตก ต่อ 2 ท่าน / เครื่องสังฆทาน สำหรับถวายวัด ตามธรรมเนียมลาว 4  + รถรับส่ง จาก สันติ รีสอร์ท ไป ยังสันติวิลล่าโฮเตล ถนนข้าวเหนียว รถออกทุก 2 ชั่วโมง + สารธารณประชาชนลาว งดค่าวีซ่า แก่ นักเดินทางจากประเทศไทย  สามารถใช้พาสปอร์ต เดินทางเข้าประเทศได้เลย แต่พาสปอร์ต ต้องมีอายุการใช้งาน 6 เดือน ก่อนวันหมดอายุ (กรุณาตรวจสอบก่อนการเดินทาง) + ประกันอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ (ขั้นต่ำวงเงินประกัน 1 ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาล 5 แสนบาท 1-15 ปี หรือ อายุ 75-85 ความคุ้มครองเหลือ 50% อายุต่ำกว่า 1 ปี หรือ อายุเกิน 85 ปีไม่คุ้มครอง ไม่คุ้มครองโรคประจำตัวหรือการถูกฆาตกรรมหรือถูกทำร้ายร่างกาย)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่สั่งเพิ่ม โดยผู้เดินทาง ในแต่ละมื้อ
  • ค่าเช่ารถจักยาน หรือ ยานพาหนะอื่นๆ รวมถึงค่าเข้าสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ได้มีแจ้งไว้ใน โปรแกรม
  • ค่าวีซ่าของชาวต่างชาติบางประเทศ (30-40USD) เตรียมรูปถ่าย 2 X 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว 1 ใบ
  • ตามความประทับใจ ทิป Driver Guide หรือ มัคคุเทศน์ท้องถิ่น หรือ พนักงานให้การบริการในโรงแรม และ ร้านอาหาร
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % และภาษีทุกชนิด
  • อาหาร เครื่องดื่ม ที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ และ เหล้า-เบียร์ มินิบาร์  ค่าโทรศัพท์  ค่า Spa และการนวดต่างๆ

การสำรองที่นั่ง และ เงื่อนไขการจอง

  • ราคาพิเศษ ขอเก็บเงินเต็มจำนวน  โดยปกติจะต้องดำเนินการโอนเงินภายใน 1-2 วันนับจากวันที่ทำการจองและส่งใบเรียกเก็บเงิน   หากไม่ชำระมัดจำตามกำหนด ขออนุญาตตัดที่นั่งให้ลูกค้าท่านอื่นที่รออยู่   การชำระไม่ครบ ทางผู้จัดถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยไม่มีเงื่อนไข หรือเช็คธนาคารถูกระงับการจ่ายไม่ว่าด้วยสาเหตุใดใด ผู้จัดมีสิทธิยกเลิกการจัดหรือยกเลิกการเดินทางและขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินตามเงื่อนไขการยกเลิก  ***เมื่อตกลงชำระเงินไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ทางผู้จัดจะถือว่าท่านได้ยอมรับในเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้ทั้งหมดนี้แล้ว ***

การยกเลิกการจอง หรือ ยกเลิกการเดินทาง 

เป็นการเดินทางที่ต้องซื้อขาดแบบมีเงื่อนไขพิเศษกับทางสายการบิน  หรือผ่านตัวแทนในประเทศหรือต่างประเทศ  รวมทั้งการการันตีค่าห้องพัก การการันตีแพ็กเกตททัวร์ จะไม่มีการคืนเงินมัดจำหรือค่าบริการทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดใด

การขอวีซ่าเข้าลาว (เฉพาะต่างชาติ)
1. สถานทูตลาวที่กรุงเทพฯ  ตั้งอยู่ซอยสหการประมูล ถนนประชาสงเคราะห์
2. สถานกงสุลลาว จ. ขอนแก่น  ตั้งอยู่ที่ถนนประชาสโมสร ก่อนถึงแยกชาตะผดุง 100 เมตร
3. Visa on Arrival  คนต่างชาติไปทำวีซ่าที่ด่านตม. ลาวตรงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว


เอกสารประกอบการขอวีซ่าเข้าลาว (Visa on Arrival)
1. หนังสือเดินทางตัวจริง ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และต้องมีหน้าว่างสำหรับประทับตราวีซ่า
2. กรอกแบบฟอร์ม มีบริการให้ที่ด่านตม.ลาว หรือ ดาวน์โหลด
3. รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
4. ค่าธรรมเนียมวีซ่า


ค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa on Arrival Fee)
ประเทศ ค่าธรรมเนียม (US Dollar)
จีน 20
ออสเตรเลีย 30
สวีเดน 31
อินเดีย 35
อังกฤษ 35
สหรัฐอเมริกา 40
แคนาดา 42
อื่นๆ 30

สภาพภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศของประเทศลาวแบ่งออกได้ 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนเมษายน   ฤดูฝน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนตุลาคม ฤดูหนาว เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมกราคม ซึ่งมีความคล้ายกับภาคเหนือและภาคอีสานของไทย แต่ฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวมากกว่า พื้นที่ทางภาคใต้และทางตอนกลางของประเทศ เป็นบริเวณที่มีฝนตกชุกมากกว่าภาคเหนือ ประกอบกับที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมในทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศลาวมีลักษณะทางภูมิอากาศแบ่งออกได้ 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนเมษายน   ฤดูฝน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนตุลาคม ฤดูหนาว เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมกราคม


เวลา
เวลาในประเทศลาวเป็น 7 ชั่วโมงล่วงหน้าเฉลี่ยเวลามาตรฐานกรีนิช (GMT +7).


เงินตรา
สกุลเงินของประเทศลาวคือ กีบ สำหรับเงินกีบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศลาวส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นใบละ 1,000 2,000 5,000 10,000 20,000 กีบ (ไม่มีเงินในลักษณะเหรียญกษาปณ์) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 บาท เท่ากับ 0.0044 LAK

เช็คอัตราแลกเปลี่ยนได้ที่นี่


ระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าและปลั๊กไฟของลาวเหมือนเมืองไทย การไปลาวจึงไม่ต้องพกตัวแปลงปลั๊กไฟไปเลย แต่หากเที่ยวออกไปทางเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญออกไป ไฟฟ้าอาจไม่ได้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง


การให้ทิป

การ ให้ทิปในต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญและมารยาทของนักท่องเที่ยวที่ควรให้ ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนายความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง


ภาษา

ลาว มีภาษาประจำชาติคือ ภาษาลาว ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาไทยในแถวๆภาคอีสานของบ้านเรา นอกจากนี้ ชาวลาวบางส่วนยังสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ดี สำหรับชาวลาวที่อาศัยทางตอนเหนือของประเทศ มีสำเนียงการพูด และ ความหมายของคำบางคำคล้ายคลึงกับภาษาพื้นเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และเลย ทางตอนเหนือของประเทศไทยอีกด้วย


ข้อตกลงและเงื่อนไขการเดินทางท่องเที่ยวกับเรา

  • ขอ สงวนสิทธิ์ในการขายหรือไม่ขายให้แก่ท่านที่ต้องใช้รถเข็น หรือ มีโรคประจำตัวบางอย่าง หรือ ท้องอ่อนหรือท้องแก่มาก หรือ มีเด็กอายุ 1-2 ปี หรือ คนพิการ หรือ พระภิกษุสงฆ์ หรือ นักบวช (ก่อนซื้อทัวร์ จะต้องแจ้ง เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน เพราะเราคำนึงถึงความปลอดภัยและเพื่อสร้างความสุขแก่คณะผู้เดินทาง)
  • ขอ สงวนสิทธิ์ไม่รับท่านผู้เดินทางที่มีความประสงค์จะลักลอบเข้าประเทศลาวเพื่อ ไปทํางาน หรือเพื่อการอื่นใดอันมิใช่การท่องเที่ยว หากผู้โดยสารถูกปฎิเสธการออกนอกประเทศไทยหรือเข้าประเทศลาว จากเจ้าหน้าที่แรงงานไทยหรือเจ้าหน้าที่ตรวจคนออกนอกประเทศไทยและเจ้า หน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศลาว ทางผู้จัดและทางสายการบินจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกกรณี ผู้โดยสารอาจจะต้องรับผิดชอบค่าปรับที่ประเทศลาวเรียกเก็บ ผู้โดยสารต้องรอกลับประเทศไทยในเที่ยวบินถัดไปที่มีที่นั่งว่างหรือตามวัน เดินทางของตั๋วเครื่องบิน ทั้งนี้แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนและสายการบิน ทางผู้จัดไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
  • การเปลี่ยนแปลงรายการท่อง เที่ยวในทุกการเดินทางอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ รายการท่องเที่ยว เมนูอาหาร โรงแรมที่พัก รถท่องเที่ยวในแต่ละวันที่ได้จัดเตรียมไว้ (ทั้งช่วงนำเสนอ ช่วงสรุป และช่วงเดินทางจริง) ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง  โดยพยายามที่จะตามรายการสรุปให้ตรงมากที่สุด หรือในระดับ หรือในคุณภาพที่ใกล้กันมากที่สุด
  • ขอสงวนสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดชอบ ค่าเสียหายที่เกิดกับชีวิต ร่างกาย การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย ความตาย อุบัติเหตุต่างๆ สูญหายในทรัพย์สินหรืออย่างอื่น การนัดหยุดงาน ภัยธรรมชาติ การก่อจลาจล การปฎิวัติ และอื่นๆ ที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อม
  • กรณี เกิดความผิดพลาดจากตัวแทนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมีการยกเลิก ล่าช้า เปลี่ยนแปลง การบริการจากสายการบิน ( ความสูญหายหรือเสียหายของสัมภาระ ความล่าช้าของเที่ยวบิน การยกเลิกเที่ยวบิน มีการยุบเที่ยวบินรวมกัน ตารางการการเดินทางมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากสายการบินพิจารณาสถานการณ์แล้วว่า อยู่นอกเหนือความควบคุม หรือเหตุผลเชิงพาณิชย์ หรือเหตุผลทางด้านความปลอดภัยเป็นต้น โดยจะปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อจำกัดความรับผิดชอบของแต่ละสายการบิน ) บริษัทขนส่ง รถโดยสาร เรือบริการ หรือ หน่วยงานที่ให้บริการ ที่จะส่งผลทำให้เสียเวลาหรือยกเลิกรายการท่องเที่ยวทัวร์บางรายการหรือทั้ง หมด ผู้เดินทางไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหาย ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งค่าเสียเวลา ค่าเสียโอกาส ค่าเสียความรู้สึก และค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายไปแล้ว เป็นต้น   ขอให้ทราบว่า ผู้จัดจะดำเนินโดยสุดความสามารถที่จะประสานงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ลูกค้า แต่จะไม่คืนเงิน
  • ผู้นำทัวร์ พนักงานและตัวแทนของผู้จัด ไม่มีสิทธิ์ในการให้คำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้นแทนผู้จัด นอกจากมีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของผู้จัดกำกับเท่านั้น
  • ผู้จัดจะ ไม่รับผิดชอบและไม่สามารถคืนค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ในทุกกรณี เนื่องจากเป็นการชำระค่าทัวร์ในลักษณะเหมาจ่ายกับตัวแทนต่างๆ เช่น ไม่ผ่านการพิจารณาในการตรวจคนเข้าเมือง-ออกเมือง กรมแรงงาน การกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย การหลบหนี เข้าออกเมือง เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง การถูกปฏิเสธในกรณีอื่นๆ ไม่รับประทานอาหารบางมื้อ ไม่เที่ยวบางรายการ เป็นต้น
  • ขอความร่วมมือในเรื่องความประพฤติของ คนเดินทางหากผู้จัดหรือตัวแทนของประเทศที่ท่านได้เดินทางมา เดินทางไปสู่ หรือเดินทางผ่าน เห็นว่าผู้โดยสารประพฤติตนที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เดินทางอื่นๆ หรือทรัพย์สิน หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ (ตัวแทน) หรือไม่ปฏิบัติตามคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ (ตัวแทน) ทางผู้จัดอาจใช้มาตรการตามที่เห็นสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้ความประพฤติดัง กล่าวดำเนินต่อไป ซึ่งรวมไปถึงการยับยั้ง และปฏิเสธให้บริการ
  • การ ช้อปปิ้งการเลือกซื้อของนักท่องเที่ยว เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว โปรแกรมทัวร์อาจจะมีการรายการพาไปช้อปปิ้งยังสถานที่ต่างๆ โดยการเลือกซื้อของทุกอย่างเป็นเรื่องการตัดสินใจส่วนตัวเสมอ และ ทางผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบทุกการซื้อของท่าน
  • กระเป๋าลูกค้า ต้องยอมรับในความเสี่ยงของกระเป๋าทุกใบของตัวเอง (ท่านสามารถเลือกซื้อประกันเพิ่ม เกี่ยวกับสัมภาระกระเป๋า เพราะสายการบินมีกำหนดการจำกัดความรับผิดชอบต่อสัมภาระ) ทางทัวร์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย สูญหาย ล่าช้า อุบัติเหตุ ที่เกิดจากกรณีใดๆ ทั้งสิ้น  ซึ่งลูกค้าต้องเข้าใจว่า โดยปกติทุกฝ่าย เช่น คนขับรถ  มัคคุเทศก์ หรือ หัวหน้าทัวร์  ถึงแม้จะพยายามในการดูแลและระวังเรื่องสัมภาระกระเป๋าเดินทางลูกค้า

ผู้ร่วมเดินทางตกลงปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการเดินทางนี้ทุกประการ

และในกรณีมีข้อพิพาท ให้ถือคำตัดสินของผู้จัดเป็นที่สิ้นสุด

ในการสำรองที่นั่งและการใส่ชื่อในระบบสำรองที่นั่ง

ผู้ เดินทางต้องส่งสำเนาของหนังสือเดินทาง ( Passport ) ที่ชัดเจน หรือ ส่งรายละะรายละเอียดที่สายการบินต้องการ (ภาษาอังกฤษ) เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่พาสปรอต วันหมดอายุ ( โดยเซ็นต์ชื่อและเขียนยืนยันรับรองเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทางผู้จัด ) หากไม่มีการส่งข้อมูลทั้งหมดในพาสปรอตเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทางผู้จัด และเกิดการออกชื่อนามสกุลในตั๋วหรือบัตรโดยสารผิดพลาด อาจมีผลให้ผู้โดยสายจะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายใหม่ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด และสายการบินไม่มีระบบเสียค่าใช้จ่ายเพื่อแก้ไขตัวสะกดคำนำหน้าชื่อ / ชื่อ / นามสกุล หรือ การเปลี่ยนชื่อผู้เดินทาง

BOOK NOW

ชื่อของคุณ (โปรดระบุ)
อีเมลล์ (โปรดระบุ)
หมายเลขโทรศัพท์ (โปรดระบุ)
วันที่เดินทาง
วันที่กลับ
ข้อมูลเพิ่มเติม


May 2024
M T W T F S S
« May    
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031